top of page

เต่าบิน Tips เตรียมตัวอย่างไรก่อนกินเจ



เมื่อเข้าสู่ช่วงปลายเดือนกันยายนไปจนถึงต้นเดือนตุลาคมของทุก ๆ ปี (วันขึ้น 1 ค่ำ ถึง ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีนของทุกปี) เทศกาลสำคัญในช่วงนี้คือ “เทศกาลกินเจ” หรือสังเกตง่าย ๆ เมื่อเห็นธงสีเหลืองประดับอยู่ตามร้านอาหาร วัดจีน หรือโรงทานแสดงว่าเริ่มเข้าสู่เทศกาลกินเองแล้วนั่นเอง หากใครกลัวว่าอาหารเจจะมีแต่ผัก โปรตีนเกษตร และรสชาติจืด หมดกังวลไปได้เลย เพราะในปัจจุบันอาหารเจได้มีการประยุกต์ให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น รวมถึงรสชาติที่อร่อยถูกปากใครหลาย ๆ คน นอกจากอิ่มท้องแล้ว ยังอิ่มบุญอีกด้วย และในปี 2565 นี้เทศกาลกินเจอยู่ระหว่างวันที่ 26 กันยายน ไปจนถึง 4 ตุลาคม

รวมทั้งสิ้นเป็นเวลา 9 วัน เตรียมล้างท้อง และเตรียมตัวรอได้เลย


สำหรับเทศกาลกินเจนั้นมีประวัติความเป็นมาที่หลากหลายตำนาน แต่ตำนานที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเชื่อกันว่าการกินเจเริ่มต้นขึ้นในสมัยที่กองทัพแมนจูเข้ามาปกครองชาวจีน ทำให้กลุ่มกองกำลังทหารชาวบ้าน “หงี่หั่วท้วง” ทำการต่อต้านด้วยการใช้สันติวิธีนั่นก็คือการถือศีล งดเนื้อสัตว์ และผักที่มีกลิ่นฉุน นุ่งขาวห่มขาว ประกอบพิธีกรรมบริกรรมคาถาตามความเชื่อ หวังว่าจะสามารถช่วยเสริมกำลังใจ และป้องกันกองทัพแมนจูที่ยิงเข้ามาได้ แต่วิธีการต่อสู้ดังกล่าวไม่เป็นผล และมีการสูญเสียเกิดขึ้นโดยมีผู้นำของชาวบ้านทั้ง 9 คนถูกแมนจูจับมาประหารชีวิตอย่างโหดเหี้ยม นับตั้งแต่นั้นมาการกินเจในช่วงเดือน 9 ของทุกปีจึงเป็นการละลึกถึงบรรพบุรุษที่เสียสละนั่นเอง โดยเทศกาลดังกล่าวมีการสืบทอดต่อ ๆ กันมา โดยเฉพาะชาวจีนที่อพยพจากดินแผ่นดินใหญ่เข้ามายังแทบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะแถบมาเลเซีย ไทย และผสมเข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่นในแต่ละพื้นจนถึงปัจจุบัน เมื่อนึกถึงเทศกาลกินเจจังหวัดที่ขึ้นมีชื่อเสียง และจัดงานใหญ่ที่สุดคงจะหนีไม่พ้นจังหวัดภูเก็ตนั่นเองที่ได้รับอิทธิพลมาเต็ม ๆ


เมื่อเทศกาลกินเจมาถึง สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องเตรียมตัวโดยเริ่มต้นจากการชำระล้างใจ โดยยึดหลักการปฏิบัติ 3 อย่าง



1. ปฏิบัติทางกาย เริ่มต้นจากการละเว้นการกระทำที่ไม่ดี ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ดื่มเครื่องดื่มมึนเมา รวมถึงการเล่นอบายมุข

2. ปฏิบัติทางวาจา ละเว้นจากการพูดโกหก เพ้อเจ้อ ส่อเสียด และคำพูดหยาบคายที่ส่งผลที่ไม่ดีต่อตัวเอง และผู้อื่น

3. ปฏิบัติทางใจ คือการคิดแต่สิ่งดี ๆ ไม่คิดร้ายต่อผู้อื่น



การเตรียมตัวในลำดับต่อมาที่สำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือ การเตรียมภาชนะให้พร้อม หากใช้เป็นภาชนะเดิมควรทำการล้าง ทำความสะอาดด้วยน้ำร้อนแทนการใช้น้ำอุณหภูมิปกติ เพราะเชื่อว่าการล้างภาชนะด้วยน้ำร้อนเป็นการช่วยขจัดคราบ และกลิ่นของเนื้อสัตว์ออก



ห้ามรับประทานผักบางชนิด โดยเฉพาะผักที่มีกลิ่นฉุน เช่น กระเทียม หัวหอม ต้นหอม หอมแดง หอมหัวใหญ่ กระเทียมโทน กุ่ยช่าย และอาหารที่มีรสชาติจัดจ้านมากเกินไป